เมื่อพูดถึงแว่นโปรเกรสซีฟ หลายคนคงรู้จักหรือคุ้นหูกันมาบ้าง อาจจะเคยได้ยินมาในทางด้านบวก เช่น “เป็นแว่นตารุ่นใหม่สามารถมองได้ทุกระยะ “ “เลนส์ไร้รอยต่อใส่แล้วดูไม่แก่” และบางคนอาจจะได้ยินหรือมีประสบการณ์ในด้านลบ เช่น “ตัดมาแล้วใส่ไม่ได้ ใส่แล้วมึนงง ไม่สบายตา” หรือ “ใช้งานยาก ราคาแพง”
ประโยคเหล่านี้ที่เราเคยได้ยินกันมา อาจจะมีทั้งข้อเท็จจริงและไม่จริงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งวันนี้หมอมีคำตอบมาฝากกับทุกข้อสงสัย สำหรับคนที่ตัดเลนส์โปรเกรสซีฟมาแล้วใส่ไม่ได้ว่ามีสาเหตุเพราะอะไรไปดูกันค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจได้เลยค่ะ
แว่นโปรเกรสซีฟ คืออะไร ?
แว่นโปรเกรสซีฟ คือ แว่นที่มีเลนส์หลายชั้นแบบไร้รอยต่อ ใส่แว่นแค่อันเดียวสามารถมองเห็นได้ชัดทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นระยะไกล ระยะกลาง(ระยะคอมพิวเตอร์) และระยะอ่านหนังสือ
แว่นนี้ถูกพัฒนามาจากแว่นตาเลนส์สองชั้น (Bifocal) โดยแว่นโปรเกรสซีฟปราศจากขีดกลางคั่น ทำให้มองเห็นภาพได้ราบรื่นมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเริ่มมีภาวะสายตายาวตามอายุ
แว่นตาโปรเกรสซีฟปัจจุบันมีให้เลือกหลายยี่ห้อและหลายรุ่น ซึ่งแตกต่างทั้งในเรื่องของโครงสร้างเลนส์ มุมมองภาพ และราคา ซึ่งการตัดแว่นโปรเกรสซีฟจึงจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะในการแนะนำชนิดเลนส์ที่เหมาะสมกับ Lifestyle ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด
สาเหตุตัดแว่นโปรเกรสซีฟ แล้วใส่ไม่ได้
สาเหตุที่ 1 : วัดค่าสายตาผิด
สาเหตุแรกที่ทำให้เราใส่แว่นโปรเกรสซีฟไม่ได้คือ “วัดค่าสายตาผิด” ซึ่งค่าสายตานั้นเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากสำหรับ Progressive lens การที่เราจะใส่แว่นที่ให้ความคมชัดทุกระยะ เราจะต้องมีการวัดค่าสายตาที่แม่นยำทั้งระยะไกลและใกล้ ซึ่งหากมีการวัดสายตาผิดและไม่แม่นยำ จะทำให้ผู้ใส่รู้สึกเวียนหัว เบลอ เห็นภาพไม่คมชัด
สาเหตุที่ 2 : วัดค่าพารามิเตอร์ผิด
ก่อนอื่นหลายคนคงยังไม่เข้าใจว่าพารามิเตอร์ของแว่นคืออะไร?
พารามิเตอร์แว่นคือองค์ประกอบต่างๆที่ผู้เชี่ยวชาญต้องวัดเพื่อให้ได้แว่นที่เหมาะสมกับผู้ตัดเลนส์โปรเกรสซีฟมากที่สุด
ซึ่งจะประกอบไปด้วย
-
ระยะห่างระหว่างตาทั้ง 2 ข้าง (Pupillary distance : PD)
-
ความสูงของจุดระยะห่างระหว่างตา (Seg High:SH)
-
ความโค้งหน้าแว่น(Face Form Angle : FFA )
-
มุมเทหน้าแว่นขณะแว่นอยู่บนใบหน้าของเรา(Pantoscopic Tilt : PT)
-
ระยะห่างกระจกตาถึงเลนส์แว่นตา (Corneal Vertex Distance : CVD)
หากมีการวัดส่วนใดส่วนหนึ่งผิดหรือคลาดเคลื่อน ก็จะทำให้เลนส์โปรเกรสซีฟที่ตัดมาใส่ไม่ได้ ไม่คมชัด และไม่สบายตา
สาเหตุที่ 3 : เลือกรุ่นของเลนส์ผิด
Progressive lens นั้นมีหลายรุ่นและหลายยี่ห้อ ซึ่งในแต่ละรุ่นและแต่ละยี่ห้อก็มีความแตกต่างทางด้านราคาและฟังก์ชั่นต่างๆที่มีอยู่ในตัวเลนส์โปรเกรสซีฟ
บางคนอาจจะเลือกรุ่นหรือยี่ห้อที่ไม่เหมาะสมกับค่าสายตาและ Lifestyle ของตัวเอง ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกตัดเลนส์โปรเกรสซีฟสักอัน
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเลนส์ยี่ห้อไหน รุ่นไหนเหมาะสมกับเรา?
“เลนส์ที่แพงที่สุดอาจไม่ใช่เลนส์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ”
แน่นอนว่าเลนส์ที่มีราคาสูง เกิดจากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาออกแบบโครงสร้างเลนส์ แต่ว่าเลนส์ที่ดีที่สุดอาจจะไม่เหมาะสมกับเราที่สุด แล้วทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเลนส์คู่ไหนเหมาะสมกับเรา ? ซึ่งหมอขอบอกตามตรงว่าเราไม่มีทางรู้หรือคาดเดาได้ จนกว่าเราจะได้ทดลองเลนส์ก่อนซื้อ ทดลองให้ครบทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เราถึงจะตัดสินใจได้ว่าเราเหมาะสมกับยี่ห้อใดและรุ่นใดที่สุดค่ะ
สาเหตุที่ 4 : ใช้งานไม่เป็น
สาเหตุสุดท้าย คือผู้ใส่ใช้งานไม่เป็น สำหรับคนที่ยังไม่เคยใส่แว่นโปรเกรสซีฟมาก่อน คงกำลังเกิดความสงสัยว่าแว่นตาแค่อันเดียวมันจะใช้งานยากถึงขั้นมีคนใช้ไม่เป็นเลยหรือ? มันไม่ได้ใส่แล้วใช้มองเหมือนแว่นทั่วๆไปหรือ ?
อย่าพึ่งตกใจค่ะ! คำว่าใช้งานไม่เป็นในที่นี้ หมายถึง ผู้ใช้ยังไม่เข้าใจโครงสร้างของเลนส์ มองผิดระยะการใช้งาน ทำให้เห็นภาพเบลอไปหมด ซึ่งจริงๆแล้วแว่นโปรเกรสซีฟไม่ได้ใช้งานยากอย่างที่คิด
Progressive lens เป็นเลนส์ที่สามารถมองได้หลายระยะ ฉะนั้นแปลว่าในเลนส์แผ่นเดียวจะต้องมีหลายค่าสายตาอยู่ในนั้น โดยจะแบ่งเป็นโซนตามระยะการมอง คือ เวลาเรามองไกลเราจะต้องมองผ่านโซนด้านบนของเลนส์ , เวลามองใกล้จะต้องเหลือบตามาด้านล่างสุดของเลนส์ และสุดท้ายคือโซนตรงกลางใช้ในการมองวัตถุระยะกลางเช่นมองมือถือหรือคอมพิวเตอร์ค่ะ
ซึ่งสุดท้ายผู้ใช้จำเป็นจะต้องปรับตัวในการใช้งานให้เคยชิน ซึ่งถ้าหากเคยชินกับการมองระยะต่างๆแล้ว แว่นโปรเกรสซีฟจะเป็นตัวเลือกในการแก้ปัญหาสายตาของคุณลูกค้าได้ดีที่สุดทีเดียวค่ะ
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ถึงตรงนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราใส่แว่นโปรเกรสซีฟไม่ได้ ไม่ชัด ไม่สบายตา ถ้าคุณลูกค้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากตัดเลนส์โปรเกรสซีฟดีๆสักอัน ตัดแล้วไม่เสียเงินฟรี MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES คำแนะนำดีๆมาฝากสำหรับคนที่กำลังคิดจะตัดเลนส์โปรเกรสซีฟค่ะ
หมอแนะนำว่า : เราควรเลือกร้านแว่นตาที่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านโปรเกรสซีฟโดยตรง
อย่าคิดว่า ร้านแว่นไหนก็เหมือนกันหมดทุกร้าน เลือกร้านที่ราคาถูกไว้ก่อน เอาราคาเป็นหลัก ความคิดเหล่านี้ อาจจะทำให้คุณเสียเงินฟรี เพราะตัดแว่นมาแล้วใส่ไม่ได้ ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
การตัดแว่นก็เหมือนเราตัดชุดสูทค่ะ เราจะต้องมีการวัดค่าต่างๆมากมายเพื่อให้ได้สูทตัวนึง ทำไมบางร้านใส่แล้วถึงรู้สึกไม่สบายตัว ไม่ถูกใจ ใส่แล้วดูไม่ดี แต่บางร้านตัดออกมาใส่แล้วดูดี ดูหล่อ ดูสวย ใส่แล้วมั่นใจ
นั้นแหล่ะค่ะ แว่นโปรเกรสซีฟก็จำเป็นต้องใช้ฝีมือของผู้เชี่ยวชาญในการวัดค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการวัดสายตา วัดพารามิเตอร์ การเลือกเลนส์ รวมถึงการฝนประกอบแว่นซึ่งแต่ละร้านก็มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป
ดังนั้นเราควรเลือกร้านที่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะเพื่อให้ Progressive lens ที่ตัดออกมาพอดีที่สุดกับสายตาของคุณลูกค้าค่ะ
MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES ใส่ใจทุกขั้นตอนในการวัดค่าสายตาและพารามิเตอร์ต่างๆ โดย จักษุแพทย์ และทีมงานนักทัศนมาตรที่เชี่ยวชาญด้านการตัดแว่นโดยเฉพาะ วัดทุกรายละเอียดอย่างแม่นยำ และมีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ลูกค้าได้ทดลองก่อนตัดสินใจซื้อ
เรามีเลนส์โปรเกรสซีฟ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อให้คุณลูกค้าได้ทดลอง เพื่อที่คุณลูกค้าจะได้รู้ว่าค่าสายตา และ Lifestyle ของคุณ เหมาะกับเลนส์รุ่นและยี่ห้อใด คุณลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกได้เองค่ะ
สรุป
4 สาเหตุที่ทำให้ตัดแว่นโปรเกรสซีฟแล้วใส่ไม่ได้ เกิดจากการวัดค่าต่างๆที่ไม่ละเอียด เลือกรุ่นและยี่ห้อ Progressive lens ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน อีกทั้งยังเกิดปัญหาจากการใช้งานของลูกค้าเองที่ยังต้องปรับตัวให้เคยชินกับการมองระยะต่างๆด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้หมออยากฝากไว้ว่า
“แว่นที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องแพงที่สุด แต่ควรเป็นแว่นที่เหมาะสมกับเราที่สุดค่ะ”
MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES คลินิกแว่นตาโปรเกรสซีฟ โดยจักษุแพทย์และนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญในการตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ ทางเรายินดีให้คำปรึกษาค่ะ โดยคุณลูกค้าสามารถกดปุ่มด้านล่างเพื่อติดต่อเราได้เลยค่ะ