ในปัจจุบัน วันรุ่น และ วัยทำงาน มีปัญหาสายตากันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไลฟ์ไสตล์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้แว่นสายตาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเลือกให้ดีและเหมาะสมกับการใช้งาน วันนี้ MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES มีเคสรีวิวตัดแว่นสายตาเลนส์ชั้นเดียว (Single Vision) ที่เหมาะสำหรับวัยทำงาน เพื่อแก้ปัญหาแว่นเดิมเริ่มมองไม่ชัด ทำให้ปวดตาเวลานั่งทำงานที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลยค่ะ
Lifestyle
คุณแดนเลฑฑ์ อายุ 29 ปี ทำงานบริษัท ไลฟ์ไสตล์การทำงานของคุณลูกค้าเหมือนคนทำงานในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ ที่ต้องทำผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือค่อนข้างเยอะเกิน 10 ชั่วโมงต่อวัน
และในระยะนี้มีการใช้งานมากขึ้น เนื่องจากโรคระบาดทำให้คุณลูกค้าต้องทำงานที่บ้าน ประกอบกับกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายนอกจากการทำงาน ก็มักจะเป็นการใช้งานระยะใกล้ เช่นเล่นมือถือ เล่นคอมพิวเตอร์ค่อนข้างเยอะ
ปัญหาสายตาที่ตรวจพบในปัจจุบัน
เดิมคุณแดนเลฑฑ์ มีแว่นสายตาที่ ใส่เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision) แต่ปัจจุบันเริ่มมองไม่ชัดและตัวแว่นเริ่มมีความเสียหายจากการใช้งาน แม้คุณลูกค้าจะใส่คอนเทคเลนส์ ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามองได้คมชัดขึ้นกว่าเดิมมากนัก และเนื่องจากช่วงหลังๆมานี้ต้องใช้สายตามากขึ้น จึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษาหมอที่มัทยาคลินิกค่ะ
ค่าสายตา
ค่าสายตาแว่นเดิมของคุณแดนเลฑฑ์ คือ
ข้างขวา : -7.00
ข้างซ้าย :-7.00
ค่าสายตาปัจจุบันของคุณแดนเลฑฑ์ คือ
ข้างขวา : -6.75 -1.50 x 5
ข้างซ้าย : -6.75 -1.50 x 175
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
หลังจากหมอสรุปค่าสายตาของคุณแดนเลฑฑ์ พบว่ามีค่าสายตาสั้นและสายตาเอียงที่ค่อนข้างเยอะขึ้นกว่าเดิมพอสมควร และด้วยแว่นสายตาเดิมนั้นไม่มีค่าสายตาเอียงจึงทำให้มองไม่ชัด
ในส่วนของคอนเทคเลนส์ซึ่งเป็นการใส่ค่าสายตาแบบโดยการชดเชยค่าสายตาเอียงเข้ามา ทำให้การใช้คอนเทคเลนส์มีการมองเห็นที่ชัดมากกว่าแว่นสายตา แต่ก็ยังไม่คมชัดเพียงพอต่อดวงตาของคุณลูกค้า ทำให้ใส่แล้วปวดตา
ตัดแว่นสายตาเลนส์ชั้นเดียว ( Single lens )
เลนส์ชั้นเดียวนั้นมีไว้ใช้เพื่อแก้ปัญหาการมองในระยะใดระยะนึง เช่นใช้มองไกล หรือมองใกล้ แต่ในวัยรุ่นที่มีการมองได้อย่างปกติไม่มีปัญหาการเพ่ง ก็จะสามารถใช้เลนส์ชั้นเดียวมองได้ทุกระยะได้
ซึ่งเลนส์ชั้นเดียวนั้นก็มีหลายรูปแบบในการเลือกใช้ โดยคุณหมอได้แนะนำว่าด้วยค่าสายตาที่ค่อนข้างสูงจึงจำเป็นต้องมีการย่อบาง และเลือกเลนส์ที่มีการขัดแบบ Double Aspheric (คือการขัดในรูปแบบ 2 แกนซึ่งจะทำให้มีมุมมองที่เป็นปกติได้มากขึ้น)
เพื่อให้มีมุมมองที่ดีขึ้นและมีภาพบิดเบือนจากการมองผ่านเลนส์น้อยลงทำให้มุมมองดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อเทียบกับเลนส์ทั่วไป (อาจจะเป็นทั้งในกลุ่ม Spheric lens หรือ Aspheric lens) และมีผลทำให้ความหนาของเลนส์ลดลงอีกเล็กน้อยด้วย
โดยคุณหมอได้เลือกแนะนำเลนส์ยี่ห้อ Nikon รุ่น Myopsee ซึ่งเลนส์รุ่นนี้สามารถที่จะป้องกัน UV ได้ และใช้เวลาปรับตัวไม่มากสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาเยอะ ทำให้ใส่สบายใช้งานได้อย่างยาวนาน
สรุป
การที่มองไม่ชัดนั้นอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจจะมีทั้งในส่วนของคุณภาพของเลนส์ที่หมดอายุแล้ว หรือค่าสายตาที่เปลี่ยนแปลงไป หรือปัจจัยอื่นๆมากมาย ดังนั้นการแก้ไขการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน มีรายละเอียดที่เยอะแยะมากมาย
ซึ่งกว่าจะได้แว่นสายตาที่ช่วยแก้ปัญหาการมองเห็นของคุณลูกค้านั้นต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆเช่น ค่าสายตา ชนิดเลนส์ การเลือกรูปแบบแว่นให้สอดคล้องกับค่าสายตา การ Fitting การฝนประกอบ
MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES ขอขอบคุณ คุณแดนเลฑฑ์ ที่ไว้วางใจให้ทางเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสายตาของคุณลูกค้าค่ะ