หมอเจอลูกค้าหลายๆท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสายตา ที่สาเหตุไม่ใช่แค่เพียงค่าสายตาเปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียว แต่มีความซับซ้อนมากมายที่เราต้องแก้ไขให้ลูกค้าได้ เคสรีวิวนี้นับว่าเป็นเคสหนึ่งที่คุณลูกค้ามีปัญหาค่าสายตาไม่เท่ากัน มีความแตกต่างระหว่างตาซ้ายและขวามากเกินไป ทำให้เวลาใส่แว่นสายตา มองไม่ชัด มีอาการเวียนศรีษะ ซึ่งในเคสนี้หมอมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ไปอ่านกันได้เลยค่ะ
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลยค่ะ
ปัญหาสายตาที่ตรวจพบในปัจจุบัน
คุณศิริพงษ์ มีแว่นเดิมที่ตัดมาเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเริ่มรู้สึกมองผ่านแว่นดังกล่าวไม่ชัด
ด้วยความที่คุณศิริพงษ์เป็นคนไม่ติดแว่นจึงได้หาข้อมูลและตัดสินใจไปปรึกษาแพทย์เพื่อต้องการทเลสิค แต่แพทย์ได้พิจารณาแล้วว่าคุณศิริพงษ์นั้นไม่สามารถทำเลสิคได้ เนื่องจากมีชั้นกระจกตาที่บาง ดังนั้นคุณศิริพงษ์จึงได้ตัดสินใจมาแก้ไขปัญหาสายตาด้วยแว่นตาที่ Mattaya Clinic by Bemyglasses ค่ะ
หลังจากที่หมอซักประวัติเรียบร้อยแล้ว หมอได้ทำการตรวจวัดสายตาคุณลูกค้าแบบละเอียด โดยใช้เครื่อง Auto-refractor และ Phoropter ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่ให้ความแม่นยำสูงสุดได้ค่าดังนี้
ค่าสายตา
แว่นปัจจุบันที่เป็นเลนส์ชั้นเดียว ค่าสายตาคือ
ข้างขวา : -1.25-0.25×20 ระดับการมองเห็นแย่กว่า 20/600
ข้างซ้าย : -0.50-0.25×146 ระดับการมองเห็น 20/20-1
ค่าสายตาล่าสุดที่หมอวัดได้คือ
ข้างขวา : -4.75-0.50×60 ระดับการมองเห็น 20/25
ข้างซ้าย : -1.00 ระดับการมองเห็น 20/20
อาการค่าสายตาไม่เท่ากัน
หลังจากที่คุณหมอสายตาซักประวัติเรียบร้อยแล้ว และได้ทำการตรวจวัดสายตาคุณศิริพงษ์แบบละเอียด โดยใช้เครื่อง Auto-refractor และ Phoropter ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่ให้ความแม่นยำสูงสุด พบว่า คุณศิริพงษ์ภาวะที่เรียกว่า High Anisometropia หรือการที่มีค่าสายตาทั้งสองข้างไม่เท่ากันเกินกว่า 2.00 Dioptors
ซึ่งในเคสของคุณศิริพงษ์เป็นสายตาสั้นทั้งสองข้าง ข้างขวาสั้น 4.75 Dioptors และข้างซ้ายสั้น 1.00 Dioptors จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าค่าสายตาทั้งสองข้างของคุณศิริพงษ์นั้นแตกต่างกันถึง 3.75 Dioptors
ซึ่งตัวแว่นเดิมที่คุณศิริพงษ์สวมอยู่ในปัจจุบัน ไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาสายตาของคุณศิริพงษ์ได้อย่างเพียงพอ เปรียบเสมือนตอนนี้คุณศิริพงษ์สวมใส่แว่นเพื่อใช้เพียงตาข้างซ้ายเป็นตาหลักในการใช้งานเพื่อรับรู้ภาพ ส่วนในตาข้างขวาแทบไม่ได้มีการใช้งานเลย
ส่งผลให้เมื่อเวลามองด้วยตาทั้งสองข้างพร้อมกัน จึงเห็นภาพได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากถูกความเบลอจากตาข้างขวาเข้ามารบกวนการมองเห็น วิธีการแก้ไขของหมอคือทำให้ตาข้างขวาของคุณศิริพงษ์สามารถมองเห็นได้คมชัดขึ้น
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ความยากของเคสค่าสายตาไม่เท่ากันคือ เมื่อแก้ไขด้วยแว่นสายตาจะต้องใช้เลนส์แว่นตากำลังต่างกัน ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า Aniseikonia คือ เกิดความแตกต่างของขนาดภาพที่ไปตกลงบนจอประสาทตา
โดยยิ่งเลนส์เป็นลบมากเท่าไหร่ จะให้ภาพที่ตกลงบนจอประสาทตาเล็กลงเท่านั้น ดังเช่นในกรณีของคุณศิริพงษ์ที่มีค่าสายตาสองข้างแตกต่างกัน หากหมอจ่ายแว่นที่ตรงกับค่าสายตาคือข้างขวาเป็นเลนส์ลบ 4.75 Dioptors และ ข้างซ้ายเป็นเลนส์ลบ 1.00 Dioptors จะส่งผลให้ภาพที่ตกลงบนจอประสาทตาข้างขวามีขนาดเล็กกว่าภาพที่ตกลงบนจอประสาทตาข้างซ้ายเป็นอย่างมาก หรือคิดเป็นภาพจากตาขวาจะเล็กกว่าตาซ้ายประมาณ 7 % ซึ่งจะทำให้คุณศิริพงษ์เกิดความไม่สบายตา เวียนศีรษะ
โดยปกติเราจะสามารถทนต่ออาการแสดงที่เกิดขึ้นหรือสามารถปรับตัวใส่แว่นได้ในกรณีที่ภาพจากตาทั้ง 2 ข้าง ไม่เท่ากันได้ไม่เกิน 6 – 7 % ดังนั้นหมอจึงลองลดค่าสายตาในตาข้างขวาลงแล้วให้คุณศิริพงษ์ทดลองเดินและทดลองใช้งานเป็นระยะเวลาหนึ่ง พบว่าค่าสายตาที่คุณศิริพงษ์สามารถใส่ได้โดยที่การมองเห็นคมชัดขึ้นและไม่มีอาการแสดงที่เกิดจาก Aniseikonia คือข้างขวาเป็นเลนส์ลบ 2.50 Dioptors และข้างซ้ายเป็นเลนส์ลบ 1.00 Dioptors
ถึงแม้จะไม่สามารถแก้ไขระดับการมองเห็นในตาข้างขวาให้ได้การมองเห็นที่สามารถทำให้ได้ดีที่สุดได้ แต่วิธีนี้ถือเป็นการกระตุ้นตาข้างขวาของคุณศิริพงษ์ให้ได้ใช้งานอีกครั้งหนึ่ง
โดยหมอได้มีการนัดเพื่อติดตามอาการถัดไปอีก 6 เดือน หากสมองสามารถรับรู้และเรียนรู้เพื่อทำความคุ้นชินกับการที่ภาพบนจอประสาทตามีขนาดแตกต่างกันได้แล้ว
หมอจะทำการตรวจวัดระดับการมองเห็นและตรวจวัดสายตาของคุณศิริพงษ์แบบละเอียด โดยใช้เครื่อง Phoropter อีกครั้งหนึ่ง และในอนาคตอาจมีการเพิ่มกำลังของเลนส์แว่นตาเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตาข้างขวาของศิริพงษ์สามารถใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
กรอบแว่น
การเลือกกรอบแว่นในกรณีที่เลนส์แว่นตามีค่าสายตาสั้นเยอะๆ หรือค่าสายตาไม่เท่ากันแบบกรณีของคุณศิริพงษ์ หมอขอแนะนำให้ใช้กรอบแว่นที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป
เนื่องจากกรอบแว่นที่ใหญ่จะทำให้เราเผลอไปมองภาพด้านข้างที่เป็นภาพบิดเบือน อีกทั้งจะทำให้น้ำหนักแว่นมีความหนักทำให้เกิดความไม่สบายตาเวลาที่สวมใส่แว่น และที่สำคัญควรเลือกกรอบแว่นที่มีความกระชับกับใบหน้า ไม่เลื่อนหลุดง่าย และต้องมีแป้นจมูก เพื่อให้สามารถปรับแต่งความสูงต่ำของจุด Center ของแว่นให้ตรงกับรูม่านตาของผู้ที่สวมใส่
เนื่องจากการที่จุด Center ที่ตั้งไว้มีการเปลี่ยนแปลงไป จะทำให้เกิดมองเห็นภาพวูบวาบไม่สบายตาได้ ซึ่งกรอบแว่นที่คุณศิริพงษ์นำมาให้หมอฝนประกอบวันนี้เป็นกรอบที่มีลักษณะดีตามที่หมอได้กล่าวไปข้างต้น คือมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ขนาดพอดีกับความกว้างของระยะห่างรูม่านตา และใบหน้า อีกทั้งยังมีแป้นจมูกเพื่อสำหรับการดัดปรับแต่งอีกด้วย
สรุป
Mattaya Clinic และ Bemyglasses ขอขอบพระคุณ คุณศิริพงษ์ เป็นอย่างสูง ที่ให้ความไว้วางใจให้คุณหมอและทีมงานนักทัศนมาตรในการดูแลและให้คำปรึกษาในเรื่องของปัญหาสายตา
หากคุณมีปัญหาสายตาและยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถสวมใส่เลนส์โปรเกรสซีฟได้หรือไม่ หรือสงสัยว่าปัญหาสายตานั้นมีสาเหตุเกิดจากอะไร สามารเข้ามาปรึกษา Mattaya Clinic และ Bemyglasses ได้เลยค่ะ