สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาพบกับเคสรีวิวของคุณนันท์นภัส ที่มีความสนใจอยากได้แว่นที่สามารถใช้มองได้ทุกระยะ ภายในแว่นเดียว เพราะตอนนี้แว่นคู่เดิมที่เป็นเลนส์ชั้นเดียวเริ่มมองไม่ชัด ส่งผลต่อเวลาทำงาน จึงตัดสินใจเลือดตัดเลนส์โปรเกรสซีฟกับร้านมัทยาคลินิกค่ะ
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลยค่ะ
ปัญหาที่คุณลูกค้าพบเจอ
คุณนันท์นภัส เดิมมีแว่นตาที่ใช้สำหรับอ่านหนังสือ ซึ่งใช้งานมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว แต่ปัจจุบันเริ่มรู้สึกว่าใส่แว่นดังกล่าวแล้วอ่านหนังสือไม่ค่อยชัด แต่ยังคงใส่เพื่อดูจอคอมพิวเตอร์ได้ชัดอยู่ ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้มีผลกระทบต่อการทำงาน จึงทำให้คุณนันท์นภัสเกิดความสงสัยและต้องการทราบว่าจะมีแว่นไหนไหมที่จะสามารถทำให้การมองเห็นนั้นยังคงความคมชัดได้ทุกระยะ โดยที่ไม่ต้องคอยถอดใส่แว่นบ่อยๆ
จากนั้นจึงได้เริ่มค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ แล้วก็พบว่ามีเลนส์ชนิดนึง ที่เรียกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟที่จะสามารถตอบโจทย์ปัญหาของคุณนันท์นภัสได้ ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะมาปรึกษาและแก้ไขปัญหาสายตาที่ MATTAYA CLINIC คลินิกแว่นตาโปรเกรสซีฟค่ะ
หลังจากที่คุณหมอสายตาซักประวัติเรียบร้อยแล้ว และได้ทำการตรวจวัดสายตาคุณคุณนันท์นภัสอย่างละเอียด โดยใช้เครื่อง Auto-refractor และ Phoropter ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่ให้ความแม่นยำสูงสุด พบว่า
ค่าสายตา
แว่นปัจจุบันที่เป็นเลนส์ชั้นเดียว ค่าสายตาคือ
ข้างขวา :+1.75 Diopter
ข้างซ้าย :+1.75 Diopter
โดยค่าสายตาล่าสุดที่หมอวัดได้คือ
ข้างขวา :+0.25 Diopter
ข้างซ้าย :0.00 Diopter
ค่า Add :2.25
ปัญหาสายตาที่ตรวจพบในปัจจุบัน
คุณหมอสายตาได้ทำการตรวจวัดค่าสายตาแบบละเอียด พบว่า คุณนันท์นภัสแทบไม่มีปัญหาการมองเห็นที่ระยะไกลเลย ตาข้างขวามีค่าสายตายาวเพียง +0.25 Diopter ส่วนตาข้างซ้ายไม่มีค่าสายตา แต่เมื่อลองตรวจการมองเห็นที่ระยะใกล้ พบว่ามีค่าสายตายาวตามวัยเพิ่มมากขึ้นกว่าแว่นเดิม จากเดิมคือ +1.75 Diopter ปัจจุบันวัดได้ +2.25 Diopter
ซึ่งเหตุนี้เองทำให้เมื่อใช้งานแว่นตัวเดิมแล้วทำให้มองตัวหนังสือที่ระยะใกล้ไม่ชัด เนื่องจากกำลังของเลนส์แว่นตาเดิมไม่เพียงพอสำหรับชดเชยค่าสายตามองใกล้ของคุณนันท์นภัสในปัจจุบัน
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อทราบถึงปัญหาสายตาและความต้องการของคุณนันท์นภัสแล้ว คุณหมอจึงอธิบายโครงสร้างของเลนส์โปรเกรสซีฟว่าเป็นเลนส์ที่มีการไล่ค่าสายตาหลาย ๆ ค่าที่มีลักษณะเหมือนขั้นบันได ซึ่งจะทำให้สามารถมองเห็นได้ทุกระยะก็จริง แต่จะเน้นการมองที่ระยะไกลเป็นหลัก
โดยในเลนส์ 1 ชิ้น จะแบ่งเป็น 4 ส่วน ซึ่งส่วนที่หนึ่งโซนการมองที่ระยะไกลจะกว้างที่สุด ส่วนที่สองเป็นโซนการมองที่ระยะใกล้จะอยู่ด้านล่างสุดของเลนส์มุมมองจะแคบลง ส่วนที่สามเป็นโซนการมองสำหรับใช้งานระยะกลางจะแคบที่สุด และส่วนสุดท้ายเป็นบริเวณด้านข้างของเลนส์
ซึ่งจะเป็นส่วนของภาพบิดเบือนที่เกิดจาก Unwanted oblique cylinder ซึ่งหากเผลอเหลือบตาไปมองอาจจะมีอาการวูบวาบและมึนหัวได้ ดังนั้นจึงสำคัญมากสำหรับผู้ที่จะเริ่มใส่เลนส์โปรเกรสซีฟต้องทราบถึงโครงสร้างและวิธีการใช้งานของตัวเลนส์ เนื่องจากต้องมีการปรับท่าทางเพื่อหาโฟกัสให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ
ทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟทุกรุ่นทุกยี่ห้อ
เมื่อคุณนันท์นภัสเข้าใจถึงโครงสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟเป็นอย่างดีแล้ว คุณหมอจึงได้ให้ทดลองในส่วนของเลนส์โปรเกรสซีฟ และพบว่าตัวที่ทดลองได้เป็นยี่ห้อ Essilor รุ่น Varilux Comfort Max ซึ่งเทคโนโลยีเด่น ๆ ที่อยู่ในเลนส์รุ่นนี้ ได้แก่ W.A.V.E 2.0 ที่ช่วยปรับปรุงความคมชัด โดยทำให้ผิวเลนส์เรียบขึ้น
มีการปรับโครงสร้างเลนส์ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของขนาดรูม่านตา ทำให้มองเห็นได้ชัดในทุกสภาพแสง และยังมีเทคโนโลยี Flex Optim ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยใช้ระบบ Avatar Model หรือแบบจำลองการใช้สายตาในชีวิตจริงและค่าสายตารายบุคคล ที่มีการปรับภาพบิดเบือนด้านข้างให้ซอร์ฟลง ทำให้เหมือนได้มุมมองการใช้งานของโซนระยะกลางกว้างขึ้น
ซึ่งค่อนข้างตอบโจทย์กับการใช้งานสายตาของคุณนันท์นภัส และจากข้อมูลการซักประวัติพบว่าคุณนันท์นภัสมีอาการแพ้แสงด้วย ดังนั้นหมอจึงได้แนะนำตัวเลนส์ที่มีฟังก์ชันสามารถออกแดดเปลี่ยนสีหรือเลนส์ Transition ให้ โดยคุณหมอได้เลือกเลนส์ที่เมื่อออกแดดแล้วให้เปลี่ยนเป็นสีเทา เนื่องจากสีเทาสามารถช่วยลดความจ้าของแสงได้ดีและช่วยทำให้รู้สึกสบายตามากยิ่งขึ้น
กรอบแว่น
การเลือกกรอบแว่นในกรณีที่เลนส์แว่นตาเป็นโปรเกรสซีฟ หมอขอแนะนำให้ใช้กรอบแว่นที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะยิ่งกรอบขนาดใหญ่จะส่งผลต่อมุมมองการมองเห็น เนื่องจากยิ่งกรอบแว่นตาใหญ่เลนส์ก็จะยิ่งมีขนาดใหญ่ ส่งผลให้ภาพบิดเบือนที่อยู่ด้านข้างจะมีจำนวนมากขึ้นจนอาจส่งผลรบกวนการมองเห็นหรือเกิดความไม่สบายตาขณะสวมใส่ได้
ดังนั้นจึงควรเลือกกรอบแว่นตาให้มีขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป และควรจะสวมใส่แล้วรู้สึกกระชับพอดีกับใบหน้า ไม่หลวมจนหลุดจากใบหน้า และที่สำคัญควรจะเลือกกรอบแว่นตาแบบมีแป้นจมูกแบบปรับได้ เพื่อให้สามารถปรับดัดเพื่อให้ดวงตาตรงกับจุดโฟกัสของเลนส์ได้
ซึ่งกรอบแว่นตาที่คุณนันท์นภัสได้เลือกวันนี้เป็นของยี่ห้อ Stephane Christian แบรนด์แว่นตาแฟชั่นที่ออกแบบสไตล์ European ผสมผสานวัฒนธรรมเกาหลีร่วมกับฝรั่งเศสลงไปที่ตัวแว่น เหมาะกับรูปหน้าคนเอเชีย วัสดุทำจากไทเทเนียมที่เน้นความเบาและแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังเป็นกรอบแว่นตามีลักษณะดี เหมาะสมกับการใช้ตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟค่ะ
สรุป
สุดท้ายนี้ MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES ขอขอบพระคุณคุณนันท์นภัสเป็นอย่างสูง ที่ให้ความไว้วางใจให้คุณหมอและทีมงานนักทัศนมาตรในการดูแลและให้คำปรึกษาในเรื่องของปัญหาสายตา และหากท่านใดมีความสนใจที่ต้องการตรวจวัดสายตาหรือดูแลสุขภาพตา อย่าลืมนึกถึง MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES นะคะ