เลนส์โปรเกรสซีฟเป็นเลนส์ที่มีความสามารถทำให้ผู้ใช้งานมองเห็นได้ชัดทุกระยะโดยที่ไม่ต้องคอยยืดแขน หรือถอดๆ ใส่ๆแว่นสลับไปมา แต่ตัวเลนส์เองก็มีอายุการใช้งานของมันค่ะ เมื่อเราอายุมากขึ้นค่าสายตายาวตามวัยก็จะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแว่นใหม่เพื่อเป็นการอัพเดตค่าสายตาอยู่เสมอ โดยเฉลี่ยคือทุก 2-3 ปี
แต่ปัญหาที่มักจะพบเจอตอนเปลี่ยนเลนส์โปรเกรสซีฟคู่ใหม่ คือ ทั้งๆ ที่มีค่าสายตามองไกลเท่าเดิม เลนส์ยี่ห้อเดิมและรุ่นเดิม กรอบแว่นขนาดและรูปทรงเหมือนเดิม ที่แตกต่างกันมีเพียงแค่ค่าสายตายาวตามวัยที่มากขึ้น ทำไมจึงรู้สึกว่าใส่แล้วไม่สบายตาเท่าเดิม วันนี้หมอจะมาอธิบายให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจค่ะ
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลยค่ะ
ปัญหาที่คุณลูกค้าพบเจอ
คุณสุนิธี เดิมทีแล้วเป็นคนที่มีสายตาสั้นมาตั้งแต่วัยเด็ก มีปัญหาการมองที่ระยะไกลไม่ชัด จึงจำเป็นต้องสวมใส่แว่นสายตาตลอดเวลา
แต่ปัจจุบันเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เริ่มมีความรู้สึกว่านอกจากจะมองไกลไม่ชัดแล้ว ยังมองใกล้ไม่ชัดด้วย เวลาทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือเล่นโทรศัพท์ต้องถอดแว่นสายตาสั้นที่สวมประจำออก จึงจะสามารถอ่านตัวหนังสือได้ชัดเจน
คุณสุนิธีจึงได้ตัดสินใจตัดแว่นโปรเกรสซีฟเพื่อแก้ไขปัญหาการมองเห็นที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถใส่แว่นตัวเดียวแล้วมองได้ทุกระยะแบบไม่ต้องถอดแว่นอีกต่อไป
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี คุณสุนิธีเริ่มรู้สึกว่าแว่นโปรเกรสซีฟที่เคยใส่อ่านหนังสือได้ชัด กลับไม่ชัดอีกต่อไป จึงได้ลองไปตรวจวัดสายตา พบว่ามีค่าสายตายาวตามวัยเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจตัดแว่นโปรเกรสซีฟอีกครั้งที่มีค่าสายตามองไกลเท่าเดิม และยังเป็นเลนส์ยี่ห้อเดิมรุ่นเดิมเหมือนที่เคยใส่มาก่อน
แต่เมื่อตัดออกมาแล้วกลับรู้สึกว่ามองเห็นไม่คมชัด หาโฟกัสยาก และไม่สบายตาเท่าเดิม ซะอย่างงั้น คุณสุนิธีจึงเกิดความสงสัยและต้องการหาสาเหตุกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงได้ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาและแก้ไขปัญหาสายตาที่ Mattaya Vision Center คลินิกแว่นตาโปรเกรสซีฟค่ะ
ค่าสายตา
แว่นโปรเกรสซีฟตัวที่ 1 ค่าสายตาคือ
ข้างขวา : -3.75 Diopter ระดับการมองเห็น 20/20
ข้างซ้าย : -4.75 Diopter ระดับการมองเห็น 20/20
ค่า Add : 1.00
แว่นโปรเกรสซีฟตัวที่ 2 ค่าสายตาคือ
ข้างขวา : -3.75 Diopter ระดับการมองเห็น 20/20
ข้างซ้าย : -4.75 Diopter ระดับการมองเห็น 20/20
ค่า Add :1.50
โดยค่าสายตาล่าสุดที่หมอวัดได้คือ
ข้างขวา : -3.75 Diopter ระดับการมองเห็น 20/20
ข้างซ้าย : -4.75 Diopter ระดับการมองเห็น 20/20
ค่า Add : 1.75
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
หลังจากที่คุณหมอสายตาซักประวัติและได้ทำการตรวจวัดสายตาคุณสุนิธีอย่างละเอียด โดยใช้เครื่อง Auto-Refractor และ Phoropter ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีความทันสมัยและแม่นยำสูงสุด
พบว่า ค่าสายตามองไกลของคุณสุนิธีมีค่าสายตาเท่าเดิม แต่ค่าสายตายาวตามวัยเพิ่มขึ้นเป็น ซึ่งเป็นไปตามค่าเฉลี่ยปกติตามอายุและระยะการใช้งานที่แท้จริงของคุณสุนิธี
จะสังเกตได้ว่าค่าสายตาของแว่นที่เพิ่งตัดมา และค่าสายตาปัจจุบันที่หมอตรวจวัดได้มีค่าสายตาที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน แล้วทำไมคุณสุนิธีจึงรู้สึกว่าการมองเห็นของเลนส์โปรเกรสซีฟคู่ที่เพิ่งตัดมาไม่สบายตาทั้ง ๆ ที่เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟรูปแบบเดิมกับที่เคยใส่มาก่อน จุดฟิตติ้งหรือจุดโฟกัสของเลนส์กับตาก็ตรง พารามิเตอร์ของกรอบแว่น ได้แก่ ความโค้ง ความเท และระยะห่างของตาจนถึงเลนส์แว่นตาก็ตรงตามค่ามาตรฐานไม่ได้ผิดแปลกอะไรค่ะ
โครงสร้างของเลนส์โปรเกรสซีฟ
ก่อนจะทราบถึงสาเหตุ เราต้องทราบก่อนว่าธรรมชาติของเลนส์โปรเกรสซีฟนั้นเป็นอย่างไร เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive lens) เป็นเลนส์ที่มีหลายค่าสายตาในเลนส์เดียว
โดยจะมีการไล่ค่าสายตาเป็นลักษณะคล้ายขั้นบันไดจากบริเวณส่วนบนของตัวเลนส์เป็นโซนที่ใช้สำหรับมองระยะไกล ไล่ลงมาจนถึงส่วนด้านล่างของตัวเลนส์ที่เป็นโซนสำหรับมองระยะใกล้
โดยเราจะวางบันไดค่าสายตาไว้ตรงกลางให้ตรงกับจุดศูนย์กลางการมอง ส่วนด้านข้างของตัวเลนส์เป็นส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน เรียกว่าภาพบิดเบือน โดยค่าสายตาจะแปรผันตรงกับภาพบิดเบือนด้านข้าง คือยิ่งมีค่าสายตาเยอะขึ้นเท่าไหร่ภาพบิดเบือนด้านข้างก็จะยิ่งเยอะมากขึ้นเท่านั้น
โดยภาพบิดเบือนที่เยอะขึ้นนี้จะไปเบียดบันไดค่าสายตาตรงกลางให้แคบ ส่งผลให้มุมมองภาพโดยรวมดูแคบลง การหาโฟกัสก็จะยากขึ้น
กลับมาดูกันที่เคสของคุณสุนิธีกันค่ะ จะสังเกตได้ว่าโปรเกรสซีฟตัวที่เพิ่งตัดมาแล้วใส่ไม่สบายตา เป็นเพราะคุณสุนิธีมีค่าสายตายาวตามวัยมากขึ้น ยิ่งค่าสายตาเพิ่มมากขึ้น ภาพบิดเบือนด้านข้างยิ่งบีบให้มุมมองภาพของเลนส์แคบลง
ดังนั้นเมื่อคุณสุนิธียังใช้โปรเกรสซีฟรุ่นเดิมขณะที่มีค่าสายตาเพิ่มมากขึ้นจึงไม่สามารถรู้สึกสบายตาเท่าเดิมได้ค่ะ เพราะส่วนของการมองเห็นลดลง แนวทางการแก้ปัญหาของหมอคือลองเปลี่ยนโครงสร้างโปรเกรสซีฟเป็นรุ่นที่มีการรองรับค่าสายตาที่เพิ่มขึ้นของคุณสุนิธีค่ะ
ทดลองเพื่อหาเลนส์โปรเกรสซีฟที่ใช่
หมอได้พาคุณลูกค้าไปทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ เพื่อหายี่ห้อรุ่นที่รองรับกับค่าสายตาที่มากขึ้นของคุณสุธินี ปรากฏว่า เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นที่คุณสุนิธีใส่แล้วรู้สึกสบายตามากที่สุด เป็นของยี่ห้อ Hoya ชื่อรุ่น Mystyle profile ที่มีการเพิ่มเทคโนโลยีที่ช่วยปรับเปลี่ยนโซนจากมองไกลมายังมองใกล้ได้อย่างนุ่มนวล ลดการเคลื่อนไหวของดวงตา
อีกทั้งยังมีการจัดระเบียบภาพบิดเบือนด้านข้างให้นุ่มนวลและยังปรับพื้นที่ใช้งานของเลนส์ให้ตรงกับดวงตาของโดยอัตโนมัติเพื่อให้คุณสุนิธีได้พื้นที่การมองคมชัดในทุกระยะค่ะ คุณลูกค้ารู้สึกประทับใจกับเลนส์รุ่นนี้มาก เพราะมองได้อย่างสบายตาทันทีหลังจากได้ทดลองเลนส์ค่ะ
กรอบแว่น
กรอบแว่นตาที่คุณสุนิธีเลือกใช้คู่กับเลนส์เป็นยี่ห้อ IC berlin จากประเทศเยอรมนี วัสดุทำจากสแตนเลสสตีลเกรดเครื่องมือแพทย์ ประกอบขึ้นโดยไม่ใช้น็อตและสกรู ทำให้ตัวกรอบมีน้ำหนักเบาและแข็งแรงทนทาน
แต่เนื่องจากตัวกรอบ IC berlin รุ่นที่ใช้มีลักษณะเป็นกรอบเซาะร่อง ดังนั้นเลนส์โปรเกรสซีฟที่ใช้จึงต้องเป็นเลนส์ที่มีเนื้อเหนียว เพื่อป้องกันการแตกหักและกระเทาะของเลนส์ระหว่างฝนประกอบ
การเลือกกรอบแว่นนอกจากการเลือกจากความชอบแล้ว การเลือกให้เหมาะสมกับชนิดเลนส์ที่ตัดก็สำคัญ การเลือกกรอบที่เหมาะสมกับเลนส์โปรเกรสซีฟคือกรอบแว่นที่ขนาดพอดีกับใบหน้า ไม่ใหญ่จนเกินไป และควรมีแป้นจมูกที่สามารถปรับดัดได้ จะช่วยทำให้สามารถใช้งานแว่นตาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ
สรุป
สุดท้ายนี้ Mattaya Vision Center ขอขอบพระคุณ คุณสุนิธีที่ให้ความไว้วางใจให้คุณหมอและทีมงานนักทัศนมาตรในการดูแลและให้คำปรึกษาในเรื่องของปัญหาสายตา และหากท่านใดมีความสนใจที่ต้องการตรวจวัดสายตาหรือดูแลสุขภาพตา สามารถจองคิวเข้ามาตรวจวัดสายตากับทางเราได้เลยนะคะ