มีลูกค้าหลายท่านที่ทักเข้ามาถามทาง MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES ว่า
- เลนส์โปรเกรสซีฟราคาเท่าไหร่ ?
- ควรใส่เลนส์โปรเกรสซีฟยี่ห้อไหนดี ?
- ค่าสายตาแบบนี้ แว่นโปรเกรสซีฟราคาเท่าไหร่ ?
- Progressive lens ที่เปลี่ยนสีได้และตัดแสงสีฟ้าได้ แพงไหม ?
หมอขออธิบายดังนี้ค่ะ เลนส์โปรเกรสซีฟนั้นมีหลายรุ่น และหลายยี่ห้อมากๆ ซึ่งแต่ละรุ่นและแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่นและราคาที่แตกต่างกัน
ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ Progressive lens ก็คล้ายกับรถยนต์ ที่นอกจากจะมีหลายแบรนด์แล้ว ยังมีหลายรุ่นตามระดับราคา และในแต่ละรุ่นก็ยังสามารถเลือก Option เสริมได้มากมายเหมือนกับการแต่งรถยนต์เลยค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจได้เลยค่ะ
ปัจจัยที่ทำให้เลนส์โปรเกรสซีฟมีราคาแพง
1.คุณสมบัติของเลนส์ หรือโครงสร้างของเลนส์โปรเกรสซีฟ
ปัจจัยนี้จะเป็นตัวกำหนดราคาของเลนส์เลยค่ะ ยิ่งโครงสร้างดี มีเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ปรับตัวได้ง่ายขึ้น มีมุมมองกว้าง ยิ่งมีเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
หากโครงสร้างเลนส์เป็นระดับขั้นพื้นฐานที่ต้องอาศัยการปรับตัว ใช้เวลาในการหาจุดในการปรับโฟกัสจากการสลับเปลี่ยนระยะ ไกลมาใกล้ ราคาก็จะย่อมเยาว์ลงมาตามลำดับ
2.Option เสริมของเลนส์โปรเกรสซีฟ
การที่เลนส์มี Option เสริมจะทำให้มีราคาเพิ่มขึ้น เช่น เลนส์ที่มีความสามารถในการตัดแสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ หรือสามารถเปลี่ยนสีเองได้อัตโนมัติเวลาออกกลางแจ้งและหากกลับเข้ามาในร่มใช้เวลาสักพักก็จะกลับมาใสเหมือนเดิม หรือ Option อื่นๆก็จะทำให้มีผลต่อราคาที่เพิ่มสูงขึ้น และมีผลต่อการเลือกเลนส์ด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างง่ายๆ จากเลนส์โปรเกรสซีฟใสๆธรรมดาที่ไม่มี Option ใดๆ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท เมื่อต้องการเพิ่ม Option ตัดแสงสีฟ้าอาจจะกลายเป็นราคาประมาณ 11,000 ++ หรือหากต้องการเพิ่มเป็นเลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ อาจจะเพิ่มจากราคาปกติ เป็น 17,000 บาทถึง ราวๆ 20,000 บาท เป็นต้น
3.ความหนาของ Progressive lens
หากผู้ใช้ค่าสายตาสูง ไม่ว่าจะสั้น ยาว หรือเอียง ผลที่ตามมาคือเลนส์โปรเกรสซีฟจะมีความหนาของเลนส์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้น้ำหนักเยอะขึ้น ใส่แล้วไม่สวยงาม และผลที่ตามมาคือผู้ใช้จะสวมใส่ไม่สบาย
จึงทำให้ปัจจุบันเกิดนวัตกรรมที่เรียกกันว่า ย่อบาง ,เลนส์indexสูง หรือ เลนส์เหนียว โดยทำการย่อเลนส์ที่หนาให้บางลง ซึ่งเลนส์ที่ไม่ได้ทำการย่อบางจะรองรับค่าสายตาของผู้ใช้ที่สูงๆไม่ได้ เนื่องจากความหนาที่มากทำให้ไม่สามารถผลิตชิ้นเลนส์ออกมาได้
ซึ่งการย่อบางนอกเหนือจากเรื่องของความสวยงามและใส่สบายแล้ว ยังทำให้เกิดความเหนียวที่ตัวชิ้นเลนส์มากขึ้นทำให้มีความคงทนมากขึ้นตามไปด้วย
ภาพเลนส์ย่อบาง (ด้านขวา) เทียบกับเลนส์ปกติ (ด้านซ้าย) เมื่อสวมใส่
ซึ่งเลนส์เหนียวนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดการกระเทาะหรือแตกเลยได้นะคะ แต่มีโอกาสในการแตกน้อยกว่า หากเลือกกรอบที่เลนส์ต้องรับภาระในการขยับของกรอบ เช่น กรอบเซาะร่อง หรือ กรอบเหล็กที่แทรกกลางไประหว่างเลนส์ และ กลุ่มที่เป็นกรอบเจาะ
กรอบเหล่านี้เป็นกรอบแว่นตาที่เลนส์จะมีแรงดึงรั้งทุกครั้งเวลาถอดหรือใส่แว่น ผู้ใช้จึงควรเลือกใช้เลนส์ย่อบาง หรือเลนส์เหนียวเพื่อยืดอายุของตัวแว่นโปรเกรสซีฟให้ใช้ได้นานขึ้นค่ะ
ถึงจุดนี้ เรามาเจาะลึกถึงเรื่อง โครงสร้างหรือรุ่นของเลนส์โปรเกรสซีฟ ที่เป็นปัจจัยแรกที่ส่งผลให้ราคาแพงหรือย่อมเยาว์กันว่า Progressive lens มีกี่ระดับราคาและมีวิธีการเลือกอย่างไรบ้าง ไปชมกันค่ะ
ภาพความแตกต่างของเลนส์โปรเกรสซีฟระดับต่างๆ
ระดับของเลนส์โปรเกรสซีฟ
เลนส์โปรเกรสซีฟสามารถแบ่งออกเป็น 3 Level ดังนี้
เริ่มต้น
- ราคา ประมาณ หลักพัน – หมื่นต้นๆ
- เหมาะกับคนที่เริ่มใช้ครั้งแรก
- อายุน้อย (เพราะสามารถปรับตัวได้ง่ายกว่า)
- เหมาะกับคนที่มีค่าสายตาไม่มาก
- ใช้เวลาเล็กน้อยในการปรับตัวให้เคยชินกับการใช้งาน
กลาง
- ราคาประมาณ หมื่นต้นๆ – สองหมื่นกลางๆ
- เหมาะกับคนที่เริ่มมีค่าสายตามากขึ้น
- อยากมองระยะใกล้ให้หาจุดโฟกัสได้ง่ายกว่าเดิม
- สามารถปรับตัวในการใช้งานได้ง่ายกว่า Level เริ่มต้น
- อาจจะเคยใช้เลนส์โปรเกรสซีฟมาแล้ว หรือ อาจจะเป็นคู่แรก
Advance
- ราคาประมาณ สองหมื่นกลางๆ ขึ้นไป
- เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาที่สูง สั้นเยอะ ยาวเยอะ เอียงเยอะ
- อยากได้การมองเห็นที่คมชัดในทุกระยะ ทั้งระยะ ใกล้ กลาง ไกล
- เป็นผู้ที่ Sensitive มาก ปรับตัวกับการใช้งานได้ยาก
- ไม่เคยใช้ Progressive lens มาก่อน หรืออาจจะเคยใช้แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการใช้งานเลนส์โปรเกรสซีฟเลย
โดยมากคนส่วนใหญ่ มักจะใช้ Level กลาง ก็มักจะใช้การได้ดีแล้ว และทั้ง 3 Level ที่กล่าวมาข้างต้น สามารถเพิ่ม Option ได้ทั้งหมด และสามารถเลือกลดระดับความหนา(ย่อบาง)ของเลนส์โปรเกรสซีฟได้อีกด้วย
ซึ่งในแต่ละ Level ก็จะมีรุ่นและยี่ห้อต่างๆมากมายให้คุณลูกค้าได้เลือกใช้งาน แม้ในระดับราคาใกล้เคียงกันก็จะมีความแตกต่างกันในฟังก์ชั่นด้านการใช้งานซึ่งแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
ช่วงราคาโดยประมาณของเลนส์โปรเกรสซีฟแต่ละ Level
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
หากคุณลูกค้าท่านใด อยากทราบว่าคุณลูกค้าเหมาะกับรุ่นไหนและการใช้งานในแต่ละรุ่นรู้สึกต่างกันอย่างไร หมอขอแนะนำให้เข้ามาทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟที่ร้านแว่นตา MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES เพื่อที่คุณลูกค้าจะได้ทดลองเลนส์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ที่เป็นค่าสายตาของคุณลูกค้าเอง
การทดลองทุกรุ่น ทุกยี่ห้อนั้น จะทำให้คุณลูกค้าทราบว่า ตัวเองนั้นใส่เลนส์นั้นได้ไหม และสามารถเปรียบเทียบแบบชัดๆว่า เลนส์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อที่คุณลูกค้าใส่ นั้นมีมุมมองการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างไร
สุดท้ายคุณลูกค้าจะได้ Progressive lens ที่ดีที่สุดเหมาะกับคุณลูกค้า และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปที่สุดแน่นอนค่ะ
สรุป
ในการเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟสักคู่ให้เหมาะสมกับคุณลูกค้ามากที่สุดนั้น ไม่ได้มีเพียงปัจจัยทางด้านราคาเพียงอย่างเดียว สิ่งที่หมอได้เขียนมาข้างต้นทั้งหมดไม่ได้หมายความว่า เลนส์โปรเกรสซีฟยิ่งแพงยิ่งดี
แต่ควรคำนึงจุดประสงค์ในการใช้งาน ค่าสายตา และความ sensitive ของแต่ละบุคคล เมื่อพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมดนี้แล้ว หมอมั่นใจว่าเราจะได้แว่นตาคู่ใจได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า “แว่นที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องแพงที่สุด แต่ควรเป็นแว่นที่เหมาะสมกับเราที่สุดค่ะ”
MATTAYA CLINIC & BE MY GLASSES คลินิกแว่นตาโปรเกรสซีฟ โดยจักษุแพทย์และนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญในการตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ โดยคุณลูกค้าสามารถกดปุ่มด้านล่างเพื่อติดต่อเราได้ทั้ง 2 สาขา เลยค่ะ